วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การดูแลฟัน

 การดูแลฟัน 









โดยปกติแล้วสุนัขฟันผุได้ยากมาก แต่ที่เห็นบ่อยคือ เหงือกอักเสบ เกิดจากฟันสุนัขไม่สะอาด ขี้ฟันหมักหมมจนจับเป็นคราบสีเหลืองเกาะติดที่ผิวฟัน คือ หินปูนนั่นเอง บางทีหินปูนมีมากและลุกลามไปจนถึงเงือก ทำให้เหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก จนกระทั่งฟันหลุดไปในที่สุดวิธีป้องกันการจับตัวของหินปูน ควรให้สุนัขกินอาหารสำเร็จรูปที่เป็นเม็ดแห้ง หรือให้แทะกระดูกเสียบ้างเพื่อขัดฟัน แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ควรให้สัตวแพทย์ตรวจฟันทุกปี สุนัขบางพันธุ์ก็มีการจัดเรียงตัวของฟันที่แย่มาก มีเหงือกเป็นหนองและฟันหลุดเสมอการให้แทะกระดูกไม่อาจช่วยได้เลย พวกนี้ต้องตรวจฟัน และทำความสะอาดเสมอโดยสัตวแพทย์ 

http://members.tripod.com/dog_kingdom/take_care.htm

                            

การดูแลตา

การดูแลตา











ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาแจ่มใส ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดง หรือมีขี้ตา รวมทั้งน้ำตาไหลเป็นคราบอยู่เสมอก็แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติเข้าตา ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตา ก็ควรใช้น้ำยาล้างตา 4-5 หยด ใส่เพื่อให้สิ่งสกปรกออกก่อน แล้วใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดเบา ๆ รอบ ๆ ขอบตาออกได้ ถ้าเป็นมากกว่านี้ควรจะนำไปพบสัตวแพทย์สุนัขบางพันธุ์ เช่น พวกพุดเดิ้ล มักมีรอยด่างสีน้ำตาลที่ขนใต้ตาเสมอ ที่เป็นเช่นนี้เพราะขนบริเวณนั้นเปียกแฉะเนื่องจากหยาดน้ำตาของสุนัข คราบน้ำตานี้จะติดแน่นที่หัวตาย้อยลงมา การกำจัดรอยด่างนี้ทำได้โดยการหมั่นเช็ดถูให้บ่อยๆครั้งทุกวัน เพื่อให้ขนที่ติดคราบน้ำตานี้ค่อย ๆหลุดร่วงหมดไปสุนัขบางตัวตาแฉะ อาจจะเป็นเพราะขนตาขึ้นผิดปกติ แยงเข้าไปในลูกตา การรักษาอาการนี้ควรเป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์ 

http://members.tripod.com/dog_kingdom/take_care.htm
                             

การแปรงและหวีขน

การแปรงและหวีขน
สุนัขทุกพันธุ์ต้องการแปรงขนเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าสุนัขตัวนั้นจะ ต้องมีขนยาวเพียงเท่านั้น การแปรงหวีขน ของสุนัขบ่อยๆ นอกจากจะ ทำ ให้ขนสวย ขนไม่พันกันแล้ว ยังจะเป็นการทำความสะอาดตัวของสุนัขได้
เพราะเวลาเราแปรงขน สิ่งสกปรกจะถูกกำจัดออกมารวมทั้งบรรดาขนเก่า ที่หลุดออกมา นอกจากนั้นผิวหนังที่ได้รับการ กระตุ้นจากการ หวีหรือแปรงก็จะขับน้ำมันมาเคลือบขนสุนัขทำให้ขนนุ่ม และเป็นเงางาม โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินไปซื้ออาหารเสริมมาให้มันกินให้สิ้นเปลืองเปล่า ๆ
ควรฝึกหวี และแปรงขนสุนัขแต่เล็ก ๆ เพื่อจะได้เคยชินและยอมให้เรา เสริมสวยแต่โดยดี

                         

แปรงด้วยแปรงขนอ่อน              ลูบไล้ด้วยฟองน้ำ                   แปรงด้วยหวีซี่ห่าง

           

      ตัดขนด้วยกรรมไกร                 ขจัดเห็บหมัด            สุนัขไม่ชอบหากคุณแปรงขนย้อนทาง

    
       เทคนิคการหวีและแปรงขนสุนัข
การแปรงขนสุนัขทุกวันจะทำให้สุนัขมีสุขภาพดี ขนเป็นเงางาม ไม่มีสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ ในขนสุนัข พันธุ์ขนยาว เช่น อาฟกัน ฮาวด์ ชิสุ ควรหวี ทุกวัน ส่วนสุนัขพันธุ์ขนสั้น เช่น บลูด็อก เกรดเดน แปรงขนเพียง
2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ก็พอ ส่วนสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลต้องใช้การตัดแต่งขน จะหวีให้ตรงแบบสุนัขพันธุ์อื่นไม่ได้
        
:: การหวีขนสุนัขพันธุ์ขนสั้น
อุปกรณ์ที่ใช้มีแปรงบิสเทิล แปรงหวีสลิดเกอร์ หวีตรง ขั้นตอนการหวี มีดังนี้
     - ใช้หวีแปรงสลิดเกอร์หวีก่อน เพื่อจำกัดเอาขนที่พันออกไม่ให้เกิดก้อน สังกะตัง ออกแรงหวีเพียง             เบาๆนุ่มๆ หวียาวๆ จากคอถึงลำตัวทำเช่นนี้ทั่วตัว
     - ใช้หวีบิสเทิลแปรง เพื่อเอาขนที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากขนของสุนัขทั้งตัว
     - ใช้หวีตรง หวีบริเวณที่ยาว เช่น ส่วนของหาง เท้า ขา ถ้าพบว่าขนพันกันให้ใช้กรรไกรตัดออก         สุนัขจะได้ไม่เจ็บ

:: การหวีขนสุนัขที่สั้นเกรียน
อุปกรณ์ที่ใช้มี แปรงรับเบอร์ หนังชามัวร์ แปรงบิสเทิล
     - ใช้แปรงรับเบอร์ เพื่อแปรงย้อนขนสุนัขจะทำให้ขนตาย และสะเก็ด ผิวหนัง สิ่งสกปรกหลุดออกโดยง่าย
     - ใช้แปรงบิสเทิล แปรงขนตัวสุนัขอีกครั้งให้ทั่วทั้งตัว เพื่อเอาขนที่ตายและสะเก็ดออก
     - เช็คขนสุนัขด้วยหนังชามัวร์ เพื่อให้ขนเป็นมันเงางาม

:: การหวีขนสุนัขที่ขนตรงยาว
อุปกรณ์ที่ใช้มีแปรงสลิดเกอร์ แปรงบิสเทิล หวีตรง กรรไกร
     - ใช้แปรงสลิดเกอร์หวีขนก่อน เพื่อทำให้ขนที่พันกันอยู่คลายตัวออก
     - ใช้แปรงบิสเทิลหวีตามอีกครั้ง เพื่อทำให้ขนมันเงา และหวีง่ายขี้นไปอีก
     - ใช้หวีตรง หวีจัดให้ขนของสุนัขตกลงไปข้างลำตัว ด้านซ้ายและด้านขวาตามแนวขน
     - ใช้กรรไกรตัดแต่งบริเวณเท้าและหู เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสวยงาม



http://members.tripod.com/dog_kingdom/take_care.htm
                            

การอาบน้ำ

 การอาบน้ำ

สุนัขก็เหมือนคนที่จะต้องดูแลรักษาความสะอาดและตกแต่งให้ดูสวย น่ารักอยู่เสมอ เนื่องมาจากมันไม่สามารถจะทำความสะอาดและเสริมสวยให้ กับตนเองได้ ผู้เลี้ยงจึงจะต้องทำหน้าที่ สนใจในตัวของมันเสมือนหนึ่งเป็นตัวของมันเองเลยทีเดียว 
การอาบน้ำต้องใช้แชมพู และสบู่ควบคู่ไปด้วย ควรเลือกซื้อแชมพูหรือไม่ก็สบู่ที่ผลิตขึ้น
สำหรับใช้กับสุนัขเท่านั้น อย่านำแชมพูหรือสบู่ของคนมาใช้กับสุนัขโดยเด็ดขาด เพราะผิวหนังของสุนัขบางชนิดบอบบางมาก หากอาบน้ำด้วยแชมพูหรือสบู่ของคน จะทำให้มีปัญหาเรื่องขนแห้ง หยาบ และมีสะเก็ดรังแคขึ้นบนผิวหนัง บางตัวเป็นหนักถึงอาจจะขนร่วงไปเลยก็มี
         ปัจจุบันแชมพูสุนัขมีให้เลือกหลายสูตร มีทั้งแบบผสมครีมในตัว ประเภททูอินวัน หรือทรีอินวัน ชนิดที่มีสารฆ่าเห็บ ฆ่าหมัด เยอะแยะมากมายไปหมด ก่อนซื้อควรอ่านดูฉลากข้างขวดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณ
สมบัติอะไรบ้าง บรรจุเท่าใด หมดอายุวันไหน แล้วจึงเลือกซื้อมาใช้ให้ถูกกับลูกสุนัขของเรา
       
         :: วิธีอาบน้ำให้สุนัข :: 

อุปกรณ์ต้องเตรียม คือ แชมพูสำหรับสุนัข ผ้าเช็ดตัว อ่างน้ำ หรือสายยาง ที่ต่อจากก๊อกน้ำ เครื่องเป่าผม

ขั้นตอนการอาบน้ำให้สุนัขทำได้ดังนี้ คือ

wash1
 จับสุนัขให้อยู่ในอ่างนิ่งๆ โดยการจับที่ปลอกคอ เป็นไปได้ควรอุดหู
ทั้งสองข้าง ของสุนัขด้วยสำลีเพื่อป้องกันมิให้น้ำเข้าหู แล้วจึงค่อยเทน้ำลง
บนตัวสุนัขให้ทั่วทั้งตัว 



ใช้แชมพูสุนัขเทลงบนตัวสุนัข แล้วจึงใช้มือถูนวดแชมพูให้ทั่วใน
ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังจับปลอกคอสุนัขอยู่เพื่อจะให้มันอยู่นิ่งๆ




ล้างแชมพูที่ส่วนหัวของลูกสุนัขก่อน จากนั้นจึงล้างแชมพูที่ลำตัวให้
สะอาด แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทั้งตัว





เอาสำลีที่อุดหูออก แล้วเป่าขนให้แห้ง พร้อมกับแปรงขนให้ได้รูป
ทรงตามที่ต้องการ




http://members.tripod.com/dog_kingdom/take_care.htm

การตัดหาง


การตัดหาง







     สุนัขบางพันธุ์นิยมตัดหาง ให้เหลือความยาวตามลักษณะในพันธุ์นั้นนิยม ซึ่งก็ควรตัดในขณะที่ยังมีอายยังน้อย ๆ อยู่
เพื่อที่จะไม่มีเลือดออกมามาก สุนัขไม่เจ็บปวด แผลหายเร็วและทำได้ง่ายโดยไม่ต้องวางยาสลบ ฉะนั้นสุนัขพันธุ์
ที่ต้องตัดหางหลังคลอดควรนำลูกสุนัขไปทำการตัดหางภาายในหนึ่งสัปดาห์หากจะตัดหางเอง
ต้องทำในระยะไม่เกิน 7 วันลังคลอด โดยการบูรป่าลิบขนบริเวณหางที่ต้องการตัดออกให้ถึงผิวหนัง
แล้วทำความสะอาดด้วยการใช้แอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ไอโอดีน ทาให้ทั่ว ต่อจากนั้นก็รูดผิวหนังขึ้นมาทางโคนหาง
แล้วใช้เชือกหรือยางรัดไว้ให้แน่นตรงข้อที่ 2 ของกระดูกโคนหาง ใช้กรรไกรที่ฆ่าเชื้อแล้วตัดตรงระหว่างข้อ 
ของกระดูกที่จะตัด แล้วแต้มด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน ทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง จึงค่อยเอาเชือกหรือยางรัดออก
ปล่อยให้แผลหาย โดยมากผิวหนังของหางที่รูดขึ้นไปก็จะรูดลงมาเอง หรืออาจจะเย็บปิดก็ได้ถ้าต้องการ

 http://members.tripod.com/dog_kingdom/take_care.htm







วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีการสังเกตดูลักษณะของสุนัขที่ดี

วิธีการสังเกตดูลักษณะของสุนัขที่ดี มีดังต่อไปนี้
  1. ส่วนหัวไม่มีรอยยุบ บวม หัวมีลักษณะสมดุลกัน
  2. ตา ทั้ง 2 ข้าง มีขนาดเท่ากันทั้ง 2 ข้าง มีประกาย สดใส สนใจในสิ่งแวดล้อม
  3. หู ตรงตามลักษณะของสายพันธุ์ รูปร่างได้ขนาด ไม่เป็นแผล
  4. จมูกชื้นเป็นมัน จับดูต้องเย็น เวลาเดินต้องดมกลิ่นไปด้วย
  5. ปากและฟันต้องไม่ฉีกหรือแหว่ง เหงือกสีชมพูสดใส ฟันมีการเรียงตัว เป็นระเบียบ
  6. ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เวลาดึงผิวหนังขึ้นแล้วปล่อยต้องคลายตัวทันที ไม่มีรังแค
  7. ขนเป็นประกายเงางามอ่อนนุ่ม
  8. ลำตัว ควรเป็นทรงกระบอก อกมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ไหล่ 2 ข้าง สมดุลกันท้องไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป
  9. ทวารหนัก ต้องไม่บวมหรือแดง ไม่ควรมีเศษอุจจาระติดโดยรอบ
  10. เท้าขนานกันเวลายืน ปลายเท้าไม่บิดเข้าหรือออก ปลายนิ้วไม่งุ้ม ขาหลังไม่ลาดเอียงเกินไป
  11. อวัยวะสืบพันธุ์ เพศผู้ต้องตรวจดูว่ามีลูกอัณฑะครบ 2 ข้าง เพศเมียต้องตรวจรูอวัยวะสืบพันธุ์ปกติ
  12. ท่าทางและอารมณ์ควรจะร่าเริง ขี้เล่น อยากรู้อยากเห็น

อ้างอิง:https://th.wikibooks.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82

การป้องกันโรค กลับขึ้นข้างบน

การป้องกันโรค กลับขึ้นข้างบน

ผู้เลี้ยงควรต้องมีเวลาให้กับสุนัข เพื่อทำความคุ้นเคยและศึกษาสุนัขแต่ละตัว ต้องคอยเอาใจใส่สังเกตความเป็นอยู่ การกินอาหาร การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นอกจากนี้ควรจะต้องมีความรู้ พื้นฐานเกี่ยวกับสุนัข โรคต่างๆ เมื่อสุนัขเกิดอาการเจ็บป่วยจะได้นำไปรักษาได้ทันทีโรคที่เกิดกับสุนัขมีหลายชนิดและมักเกิดการระบาดอยู่เสมอทุกปี หลายโรคอาจร้ายแรงทำให้สุนัขพิการหรือเสียชีวิต ทั้งอาจติดต่อถึงคนภายในบ้านด้วย การหมั่นเอาใจใสในตัวสุนัขและดูแลสุขภาพทั่วไปของสุนัขจึงเป็นฯการป้องกันโรคเบื้องต้นที่ดีที่สุด อาการของสุนัขที่เริ่มป่วยสังเกตได้จาก อาการเซื่องซึม , ไม่ร่างเริงแจ่มใส , ไม่กินอาหารหรือกินอาหารน้องลง , อาเจียน , มีอาการท้องร่วง , ท้องผูก , ผอมลง , ขนหยาบกระด้าง , ผิวหนังเป็นผื่นแดง , ตาแฉะ , จมูกแห้งหรือมีน้ำมูก หากสุนัขมีอาการดังกล่าว ควรทำการรักษาหรือนำสุนัขไปหาสัตวแพทย์โรคสุนัขหลายโรคสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนตามกำหนดเวลาที่เหมาะสม หลังการฉีดวัคซีนควรงดอาบน้ำภายใน 1 สัปดาห์ เพราะสุนัขอาจมีไข้เล็กน้อยจากปฏิกิริยาต่อวัคซีน ดูแลให้สุนัขกินยาตามเวลาที่สัตวแพทย์กำหนด รวมทั้งควรแยกสุนัขตัวที่ป่วยออกจากตัวปกติ สิ่งที่ช่วยให้สุนัขรอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บได้อีกประการหนึ่งคือ การรักษาความสะอาด ทั้งของสุนัขและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย กำจัดเห็บ หมัด ยุง หนู หรือทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ที่เป็นพาหะเหล่านี้
กำหนดการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคของสุนัข กลับขึ้นข้างบน
อายุ ข้อปฏิบัติ
3 สัปดาห์ ตรวจอุจจารและถ่ายพยาธิ
2 เดือน ฉีดวัคซีนป้องอกันโรคไข้หัดสุนัข โรคพาร์โวไวรัส เลปโตสไปโรซีส ตับอักเสบติดต่อ
3 เดือน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และถ่ายพยาธิ
4 เดือน ฉีดซ้ำเช่นเดียวกับเมื่ออายุ 2 เดือน


อ้างอิง:https://th.wikibooks.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82

การให้อาหารสุนัข

การให้อาหารสุนัข



Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     วันนึงเราจะให้อาหารน้องหมาแค่ไหนดีนะ? ... 2 มื้อ 3 มื้อ หรือใส่ชามทิ้งไว้ หิวเมื่อไหร่ก็ให้น้องหมามากินเอง 

     การให้อาหารน้องหมาในแต่ละมือในแต่ละวันนั้น จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมากแต่ผู้เลี้ยงหลายคนอาจมองข้ามไป หรือบางคนอาจจะคิดว่าแค่หาอาหารดีๆ มีคุณภาพมาให้น้องหมากิน ยิ่งกินเยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     แต่จริงๆ ความหลักการเลี้ยงสุนัขที่ถูกต้อง ผู้เลี้ยงควรจะพิจารณาจากตัวน้องหมาของเราเป็นหลักค่ะ โดยสิ่งที่จะต้องพิจารณาหลักๆ ก็คือ

- สายพันธุ์และขนาด 
- ช่วงอายุ
- น้ำหนักตัว

     แน่นอนว่าผู้เลี้ยงทุกคนคงจะทราบว่าเวลาเลือกอาหารสุนัขนั้นจะต้องเลือกให้เหมาะกับสายพันธุ์ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น พันธุ์ใหญ่ขนสั้น พันธุ์เล็กขนยาว ฯ

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     การเผาผลาญอาหารของน้องหมาในแต่ละวัยก็แตกต่างกัน เช่น น้องหมาอยู่ในช่วงวัยโตเต็มวัยอาจต้องการพลังงานสูง และสามารถเผาผลาญพลังงานได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งกลับกันกับน้องหมาที่มีอายุเยอะ ที่ระบบเผาผลาญเริ่มทำงานได้น้อยลง ถ้าเราให้อาหารมากเกินไป น้องหมาระบบเผาผลาญอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ เป็นต้น

     แต่เรื่องของน้ำหนักตัวนั้น ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงจะไม่ค่อยได้คำนึงถึงเท่าไหร่นัก ซึ่งจริงๆ แล้วถึงว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะใช้ในการคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมให้กับน้องหมาของเรา

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     การคำนวณปริมาณอาหารจากน้ำหนักที่ง่ายที่สุด ก็คือ ถ้าหากเป็นอาหารเม็ดให้เราคำนวณตามคำแนะนำข้างถุงของอาหารสุนัขที่เราซื้อมาได้เลยค่ะ เขาจะมีการคำนวณปริมาณที่เหมาะสมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

     แต่เนื่องจากสุนัขแต่ละตัวนั้นมีกิจกรรมไม่เท่ากัน ดังนั้นผู้เลี้ยงจะต้องใช้การหมั่นสังเกตดูน้ำหนักของน้องหมาด้วยว่าควรเพิ่มหรือลดอาหารจากปริมาณที่ข้างถุงแนะนำ ซึ่งทำได้ง่ายๆ ด้วย การคลำดูซี่โครงของน้องหมา

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     ถ้าหากเราไม่สามารถคลำพบซี่โครงได้ นั่นแปลว่าน้องหมาของเราอ้วนเกินไปแล้วและควร ลดปริมาณอาหาร แต่หากคลำดูแล้วมีแต่หนังติดซี่โครงเราก็ควรเพิ่มอาหารในแต่ละวันให้กับน้องหมา

     สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังก็คือ จะต้องไม่วางอาหารทิ้งไว้ตลอดที้งวัน และไม่ให้อาหารน้องหมาในปริมาณมากเกินไป การดูว่ามากหรือน้องเกินไปนั้น ให้สังเกตว่า ถ้าอาหารมีปริมาณที่สมดุลพอดี น้องหมาจะกินอาหารนั้นหมดภายใจ 10-15 นาที แต่ถ้าหากอาหารเหลือแสดงว่าให้อาหารมากเกินไป ครั้งต่อไปให้ลดปริมาณลง แต่ถ้ากินหมดไวก่อน 10 นาที แสดงว่าปริมาณอาหารที่ให้อาจน้อยเกินไป 

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     สำหรับผู้เลี้ยงที่ทำอาหารปรุงสุขให้สุนัขนั้น ให้ยึดหลักเดียวกันคือ ต้องอย่าวางอาหารทิ้งไว้ให้ตลอดทั้งวันและไม่ให้ในปริมาณมากเกินไป อีกสิ่งที่สำคัญก็คือ คุณภาพของวัตถุดิบจะต้องดีมีคุณภาพ เน้นวัตถุดิบประเภทโปรตีนเป็นหลัก ไม่ควรให้อาหารที่มีไขมันมากเกินไป และควรปรุงมื้อต่อมื้อ ไม่ควรให้อาหารที่ค้างคืนเพราะอาหารอาจบูด อาจทำให้น้องหมาท้องเสียได้

Dogilike.com :: ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?

     เรื่องความถึ่ในการให้นั้น ถ้าเป็นลูกสุนัขควรให้อาหาร 3 มื้อต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นสุนัขโตเต็มวัย ให้อาหาร 1-2 มื้อ ต่อวันเขาก็สามารถอยู่ได้สบายๆ ค่ะ

     ... น้องหมาของเราจะมีสุขภาพดีได้ต้องขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงด้วยนะคะ เราจะต้องไม่ตามใจให้เขากินทุกอย่างทุกเวลาตามที่เขาอยากกิน การควบคุมให้เขามีพฤติกรรมการกินอย่างมีระเบียบจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของน้องหมาในระยะยาวค่ะ 



อ้างอิง:http://www.dogilike.com/content/caring/1190/

การเลือกที่นอนให้สุนัข

การเลือกที่นอนให้สุนัข

ถ้าถามว่า สุนัขที่บ้านคุณนอนที่ไหนและนอนกันอย่างไร? หลายๆ คนคงจะต้องตอบว่า ก็นอนนอกบ้านตามพื้นโรงรถ บ้างก็นอนด้วยกันบนเตียง หรือไม่ก็ตามโซฟาในบ้าน   คำตอบเหล่านั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการเลี้ยงน้องหมา แต่แน่นอนค่ะ เจ้าหมาน้อยย่อมอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของเค้าเองที่จะเป็นจุดพักผ่อนอย่างสงบ เค้าอาจอยากเกลือกกลิ้ง วางหัว ยืดเท้าตามใจชอบ เหมือนกับเราๆ ที่อยากมีพื้นที่ส่วนตัวเช่นกัน และที่ส่วนตัวหรือที่นอนคงเค้าก็คงต้องมีหลักง่ายๆ คือ นุ่ม นอนสบาย  ซึ่งในท้องตลาดปัจจุบันเราสามารถหาซื้อที่นอนให้น้องหมาได้ในหลายรูปแบบหลากสไตล์ ลองมาดูกันง่าย มีที่นอนแบบไหน และประโยชน์ใช้สอยของงานเป็นอย่างไรกัน

1.  ที่นอนแบบมาตรฐานทั่วไป มองแล้วจะเหมือนเบาะนอนนวม หรือหมอนที่ไม่มีขอบ มีให้เลือกหลายทรง หลายขนาด มากมายด้วยสีสันและวัสดุที่ใช้ รูปทรงส่วนใหญ่ที่เห็นจะมีทั้ง ทรงกลม ทรงรี สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ที่นอนแบบนี้มักจะทำจากผ้าขนสัตว์, ผ้ากำมะหยี่, ผ้าสักหลาด, ผ้ายีนส์, หนังเทียม หรือ ไมโครไฟเบอร์ ที่นอนแบบนี้มักจะมีราคาตั้งแต่น้อยไปหามาก แตกต่างกันไปตามการดีไซน์ ยี่ห้อ ความดัง ส่วนใหญ่มักจะถอดทำความสะอาดได้  ที่นอนแบบมาตรฐานทั่วไปเหมาะกับสุนัขทุกสายพันธุ์  แต่อาจไม่ดีนักสำหรับสุนัขที่อายุเยอะๆ หรือสุนัขที่มีปัญหาเรื่องกระดูก,ข้อต่อ,ข้อสะโพก(orthopedic problems
2. ที่นอนแบบ Nest  ลักษณะทั่วไปเหมือนที่นอนแบบแรก แตกต่างกันเพียงตรงขอบยกขึ้นสูง อาจมีขอบล้อมรอบตัวที่นอนบางส่วนหรืออาจรอบที่นอนเลยก็ได้ ที่นอนชนิดนี้อาจเหมือนโซฟานั่งหรือเก้าอี้นอนรับแขกที่เราคุ้นเคยกันดี  ขอบที่ยกสูงขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ให้น้องหมาได้เกยคางอย่างสบายอารมณ์ หรือได้ม้วนตัวขดอยู่ในเบาะ สุนัขจำนวนมากที่โปรดปรานที่นอนแบบนี้  ที่นอนแบบนี้เหมาะกับสุนัขทุกชนิดที่ชอบการนอนขดตัว หรือแผ่หราอย่างมีความสุข
3. ที่นอนรูปทรงโดนัท ก็เหมือนที่นอนแบบ nest คือมีขอบยกรอบตัวที่นอน แต่ที่นอนแบบนี้ตรงขอบจากทำให้นุ่มเป็นพิเศษ เหมือนเอาหมอนข้างมาขดกลม สำหรับรองรับสุนัขที่ชอบขดตัวและชอบซุกตัวอยู่บนที่นอน มักจะมีรูปทรงกลมหรือรูปไข่  และทำจากวัสดุที่นุ่มเป็นพิเศษ  เหมาะกับสุนัขที่ชอบขดตัวและขี้หนาว  แต่ไม่เหมาะกับสุนัขที่ไม่แข็งแรง และสุนัขที่อายุเยอะๆ เพราะอาจทำให้มีปัญหาในการเข้าออก การลุกนั่ง เพราะที่นอนแบบนี้จะ ลื่นมาก
4. ที่นอนแบบ Orthopedic  ชื่อก็บอกแล้วนะคะว่าต้องมีไว้สำหรับสุนัขที่มีปัญหาทางกระดูก,ข้อต่อ,ข้อสะโพก  มักจะทำจากโฟมหนาๆ ที่มีคุณภาพสูงมาก  ที่นอนชนิดนี้จะช่วยรองรับตัวของสุนัขอย่างพิเศษ คือเมื่อน้องหมานอนจะทำให้ความกดดันทางร่างกายของกระดูก,ข้อสะโพก และข้อต่อต่างๆ น้อยมาก  ที่นอนชนิดนี้สามารถใช้ได้กับสุนัขทุกพันธุ์ ไม่ว่าเล็กใหญ่ ผอมอ้วน หรืออายุมากก็ตาม มีให้เลือกมากมายหลายแบบหลากสไตล์สีสันสวยงาม
ที่นอนชนิดนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อสุนัขที่อายุมากๆ และสุนัขที่มีปัญหาเรื่องกระดูกข้อต่อโดยเฉพาะ  นอกจากนี้ยังเหมาะกับสุนัขที่มีรูปร่างผอมๆ เช่น เกรย์ฮาวด์ เพราะตัวที่นอนจะช่วยไม่ให้น้องหมาเจ็บกระดูกได้อีกด้วย
5. ที่นอนแบบใส่ไปในกรง (Kenels and Crates)  โดยที่นอนชนิดนี้จะผลิตมาให้เข้าได้ดีกับกรงของน้องหมา มีหลายขนาดหลายทรง  ถ้าสุนัขของเราถูกเลี้ยงมาให้นอนในกรง การมีที่นอนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะไปปูไว้ในกรงจะดีมากกว่าที่เราจะเอาผ้านวมหรือกระดาษไปปูให้เค้า  ผู้ผลิตบางรายผลิตที่นอนแบบนี้ที่สามารถกันน้ำ และทำความสะอาดง่ายและสะดวก  หากสุนัขของคุณชอบใช้ชีวิตอยู่ในเปลหรือในกรงมากๆ ที่นอนนับเป็นสิ่งสำคัญนะคะ  เหมาะกับสุนัขทุกพันธุ์, แก่, ผอม, ผอมจนติดกระดูกควรจะนอนบนที่นอนค่ะ
6. ที่นอนแบบยกพื้นขึ้นมา  ที่นอนชนิดนี้มีหลายแบบเช่นกัน แบบมาตรฐานทั่วไปเหมือนเตียงนอนของเรา, บ้างก็ออกแบบเป็นแบบรังนก , บ้างก็เป็นแบบที่นอน orthopedic  ข้อดีของที่นอนยกพื้น นอกจากจะใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ให้สวยงามให้กับบ้านได้แล้ว ยังป้องกันน้องหมาจากพื้นเย็นๆ หรือสิ่งสกปรกที่พื้น แมลงรบกวนที่อาจชอบอยู่ตามพื้น 
ที่นอนแบบนี้อาจไม่เหมาะกับสุนัขที่มีปัญหาข้อต่อข้อสะโพก หรือสายพันธุ์บางชนิดที่มักมีปัญหาด้านหลัง เช่น ดัชฮุนด์ การต้องกระโดดขึ้นกระโดดลงอาจเสี่ยงต่ออันตรายของสุขภาพและความไม่สะดวกสบายได้
7. ที่นอนแบบมีลักษณะปิด (covered or hooded bed) เช่น ออกแบบเป็นลักษณะบ้าน, หรือโดม เหมาะกับหมาที่ตัวเล็กๆ ขี้อาย มีโลกส่วนตัวสูง  
8. หากคุณอยู่ในเมืองหนาว หรืออยู่บ้านแล้วชอบเปิดแอร์เย็นๆ หรือสุนัขที่มีปัญหาเจ็บปวดข้อต่อ ข้อสะโพก ที่นอนแบบ Heated bed จะเหมาะมาก เพราะเป็นการออกแบบลงตัวมากสำหรับการรักษา การทำงานของที่นอนลักษณะนี้จะคล้ายๆ มีแผ่นให้ความร้อน หรือผ้าห่มไฟฟ้า แต่อย่าลืมนะคะ อ่านคู่มือการใช้ทุกครั้ง ทำตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด

ที่นอนแบบ heated bed เหมาะกับสุนัขทุกสายพันธุ์ ยิ่งสุนัขที่ตัวผอมๆ ตัวเล็กบางจะได้ประโยชน์สูงสุด และถ้าคุณเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน ในช่วงฤดูหนาวหรือที่มีอากาศเย็นๆ ที่นอนนี้จะเหมาะมาก
9. ที่นอนแบบเจล ให้ความเย็น  แบบนี้บ้านเราอาจจะคุ้นเคยมากกว่าแบบ heated bed , ที่นอนแบบให้ความเย็นจะช่วยผ่อนคลายและเพิ่มความเย็นในช่วงอากาศร้อน หรือแม้แต่เมื่อสุนัขไปวิ่งเล่นกลับมาเหนื่อยๆ  มักจะทำจากวัสดุพลาสติคหรือวัสดุที่คล้ายๆ กัน สอดไส้ด้วยเจล ให้ความเย็น   ที่นอนชนิดนี้เหมาะกับสุนัขทุกสายพันธุ์เช่นกัน และโดยเฉพาะสุนัขที่ขี้ร้อนอย่างพวก บูลด๊อก เป็นต้น
10. ที่นอนสำหรับพกพา  ที่นอนแบบนี้เหมาะมากกับนักเดินทางท่องเที่ยว  ลักษณะก็เหมือนที่นอนมาตรฐานทั่วไป เพียงแต่สามารถพับและพกพาได้เพื่อสะดวกในการใช้และประหยัดพื้นที่ค่ะ
อ้างอิง:http://thaiurbandogzzz.exteen.com/20130410/entry

เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน


เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน


Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

     สำหรับคนรักสุนัขที่ต้องการหาลูกสุนัขตัวใหม่สักตัวมาเลี้ยง หลาย ๆ คนก็อาจจะเลือกใช้วิธีซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มสุนัขต่าง ๆ มาเลี้ยง ... แต่ก็ยังมีคนรักสุนัขอีกจำนวนมากเลยค่ะ ที่นิยมเลือกและตัดสินใจซื้อลูกสุนัขจากบ้านของญาติ คนรู้จัก หรือทราบข่าวว่าบ้านหลังนั้น หลังนี้มีแม่สุนัขคลอดลูกก็ไปขอซื้อมาเลี้ยง

      เทคนิคการเลี้ยงการดูแล วันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะพาเพื่อน ๆ มาเรียนรู้วิธีการเลือกซื้อลูกสุนัขจากบ้านกันค่ะว่า เราจะต้องมีวิธีและเทคนิคในการเลือกซื้อลูกสุนัขอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

     การเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านของญาติ หรือคนรู้จักถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คนรักสุนัข เพราะวิธีนี้เป็นวิธีที่คนรักสุนัขสามารถเข้าถึง ได้เห็นและสัมผัสกับลูกสุนัขแสนน่ารักตัวเป็น ๆ ได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญคือ ราคาของลูกสุนัขตามบ้านมักจะถูกกว่าการซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มสุนัข และยังสามารถต่อรองราคาลูกสุนัขแบบเป็นกันเองได้อีกด้วยค่ะ ...

     แต่ทั้งนี้ การซื้อลูกสุนัขตามบ้าน เราก็จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในการตรวจดูลักษณะโครงสร้างที่ถูกต้องตามสายพันธุ์ของสุนัข และข้อระวังต่าง ๆ เพื่อเราจะได้ลูกสุนัขสุขภาพดีปลอดโรคกลับมาเลี้ยงที่บ้านค่ะ
Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

      ซึ่งหลักของการเลือกซื้อลูกสุนัขคือ ต้องเลือกสุนัขที่มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง โดยไม่ควรเลือกซื้อน้องหมาเพียงเพราะความชอบ เช่น เห็นหมาตัวนี้หน้าตาน่ารัก สีขนสวยตรงใจ ก็ตัดสินใจซื้อทันทีเพราะลูกสุนัขเหล่านั้นอาจจะมีพฤติกรรม โรคร้ายแอบแฝงที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตเมื่อเรานำกลับบ้านมาเลี้ยงได้  โดยเพื่อน ๆ สามารถใช้วิธีการสังเกตก่อนเลือกซื้อลูกสุนัขได้คล้าย ๆ กับการสังเกตในการเลือกซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มสุนัข ดังนี้ค่ะ


เช็คความร่าเริง /ลักษณะนิสัยของลูกสุนัข
 

Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

     การเช็คดูความร่าเริง สดใสของลูกสุนัข เป็นสิ่งที่เราต้องสังเกตเป็นอันดับแรกเมื่อเราได้พบลูกสุนัขค่ะ โดยเราต้องดูว่า ลูกสุนัขมีนิสัยขี้เล่น ดูกระฉับกระเฉง ไม่แสดงกิริยาก้าวร้าว ไม่หงอยเหงาเศร้าซึม เพราะการที่น้องหมาร่าเริง วิ่งเล่นเป็นปกติดีแสดงว่า น้องหมามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงพอสมควรค่ะ

     นอกจากนี้ เรายังต้องสังเกตดูว่า ลูกสุนัขมีอายุสมกับขนาดของตัวของสายพันธุ์ของสุนัขหรือเปล่า ลูกสุนัขจะต้องดูสมส่วน ไม่ตัวเล็กหรือใหญ่เกินไปตามมาตราฐานสายพันธุ์ และข้อสำคัญคือ เพื่อน ๆ จะต้องสังเกตท่าทางการเดิน การวิ่งที่เป็นปกติของลูกสุนัข ขาหน้าจะต้องตรง ขาหลังต้องไม่กางออกเหมือนขาเป็ด นิ้วเท้าหน้าและหลังจะต้องชี้ไปข้างหน้า เพราะหากลูกสุนัขเดินขากางตั้งแต่เด็ก ๆ ในอนาคตลูกสุนัขก็อาจเกิดความพิการได้ค่ะ

สุขภาพและความสะอาดของลูกสุนัข
 

Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน
 

     หลังจากที่เราตรวจดูความร่าเริง และลักษณะนิสัยของน้องหมาแล้ว ในลำดับต่อมาเราต้องตรวจเช็คร่างกายลูกสุนัขจากภายนอก นั่นก็คือ การสำรวจอวัยวะต่าง ๆ ว่า มีความปกติหรือไม่ โดยเราสามารถตรวจสุขภาพของลูกสุนัขตามอวัยวะต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ
Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

     ดวงตา – ดวงตาของลูกสุนัขต้องสดใสเป็นประกาย ไม่ขุ่นมัว และปราศจากขี้ตาและน้ำตา ลูกสุนัขจะต้องลืมตาและกระพริบตาได้เป็นปกติ ไม่มีอาการกระพริบตาถี่บ่อย ๆ หรือใช้อุ้งเท้าเกาตาบ่อย ๆ เพราะนั่นหมายถึงว่า ดวงตาของลูกสุนัขมีการติดเชื้อค่ะ

      จมูก – น้องหมาจะสบายหรือไม่สบายดูได้ที่จมูก! จมูกของลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีจะต้องมีความชื้นพอประมาณ ไม่เปียก แฉะ หรือมีน้ำมูกไหลเยิ้ม และจมูกของลูกสุนัขจะต้องไม่แห้ง เพราะจมูกแห้งในสุนัขเป็นการบอกได้ว่า ลูกสุนัขกำลังป่วยอยู่ค่ะ

      ปากและฟัน - เป็นสิ่งที่เพื่อน ๆ คนรักสุนัขมักจะลืมตรวจดูก่อนซื้อลูกสุนัขเสมอ สำหรับการตรวจเช็คสุขภาพช่องปากของลูกสุนัข เราควรเปิดปากลูกสุนัขเพื่อสำรวจดูบาดแผลและความสะอาดภายในปาก  ลิ้นและเหงือกของลูกสุนัขควรมีสีชมพูอ่อน ๆ ไม่ซีดขาว และควรสังเกตปากของสุนัขว่า ผิดรูปร่างไปจากปกติหรือไม่ ถ้าเพดานอ่อน เพดานแข็ง และริมฝีปากของลูกสุนัขผิดปกติ แสดงว่าลูกสุนัขเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งมักเกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนขณะที่อยู่ในครรภ์ การผสมพันธุ์เลือดชิด หรือจากพันธุกรรมของพ่อแม่สุนัขที่ถ่ายทอดมายังลูกสุนัข
Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

        ใบหูและช่องหู – เราควรตรวจดูใบหูและช่องหูของลูกสุนัข โดยลูกสุนัขที่มีสุขภาพช่องหูที่ดี หูจะต้องมีความแห้ง สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ปราศจากขี้หู  รอยแผล และสิ่งสกปรกต่าง ๆ

        ในกรณีที่เราต้องการซื้อน้องหมาสายพันธุ์ที่นิยมตัดหาง หรือขลิบใบหูเพื่อให้ลักษณะร่างกาย และรูปทรงดูสวยงาม เช่น สุนัขสายพันธุ์มินิเจอร์ พินเชอร์ พูเดิ้ล ฯ ที่นิยมตัดหาง ก็อย่าลืมสังเกตดูบาดแผลบริเวณที่ตัดด้วยว่า เกิดการอักเสบ ติดเชื้อหรือเปล่า เพราะในน้องหมาเด็กหากเกิดการติดเชื้อจากบาดแผลเข้าสู่กระแสเลือด ก็อาจจะทำให้น้องหมาเจ็บป่วย เกิดโรคแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้ค่ะ

      ก้นและหาง – เราควรสัมผัสหางของลูกสุนัขเพื่อสำรวจดูว่า หางของลูกสุนัขไม่คด งอ หรือหัก โดยการจับตั้งแต่โคนหางไล่ไปยังปลายหาง หากหางของลูกสุนัขปกติ เราจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่ถ้าหากหางของลูกสุนัขคด งอ เราจะรู้สึกเหมือนสัมผัสโดนกระดูก ข้อที่ปูดหรือยื่นออกมา และนอกจากนี้ควรสังเกตก้นของลูกสุนัขด้วยว่า มีรอยเปื้อนของอุจจาระหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าลูกสุนัขกำลังท้องเสียค่ะ
Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน

      เท้าและเล็บ – เราควรสังเกตดูเล็บของลูกสุนัขว่า ยาวเกินไปหรือไม่ รวมถึงตรวจดูบริเวณอุ้งเท้าและซอกเล็บด้วยว่า มีบาดแผล หรือเห็บหมัดเกาะอยู่หรือเปล่า การตรวจดูเท้าและเล็บของลูกสุนัขจะทำให้เราสามารถรู้ได้ว่า ลูกสุนัขได้รับการเลี้ยงดูแลความใส่ใจจากเจ้าของลูกสุนัขมากน้อยแค่ไหนค่ะ

     สุขภาพผิวหนังและเส้นขน - ลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีจะต้องมีขนเป็นเงา นุ่ม ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ซึ่งเราสามารถทดสอบความยืดหยุ่นของผิวหนังน้องหมาที่เป็นปกติ โดยการดึงผิวหนังขึ้น ก็จะพบว่าผิวหนังสามารถเด้งกลับเข้าที่เดิมได้อย่างรวดเร็ว (ภายใน 1-2 วินาที) แต่หากมีการคืนตัวกลับช้าลง ก็แสดงว่าน้องหมาอาจมีภาวะขาดน้ำได้

       และเพื่อน ๆ อาจจะใช้ฝ่ามือลูบขนลูกสุนัขให้ทั่วเพื่อสำรวจหาบาดแผล รอยแผลเป็น เปิดขนเพื่อสังเกตหาไข่ของเห็บหรือหมัดที่มีลักษณะคล้ายฝุ่นสีดำ โดยสังเกตด้วยว่า ในขณะลูบขนของลูกสุนัข ลูกสุนัขแสดงอาการเจ็บปวดหรือไม่ รวมถึงต้องดูขนาดลำตัวและช่วงท้องของลูกสุนัขว่า ท้องป่องหรือท้องใหญ่เกินไปหรือเปล่า เพราะการที่ลูกสุนัขท้องป่องจนผิดปกติอาจบ่งบอกว่า ลูกสุนัขมีพยาธิอยู่ค่ะ


ขอดูตัวพ่อและแม่ของลูกสุนัข


Dogilike.com :: เทคนิคง่าย ๆ วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขตัวใหม่ตามบ้าน
       สำหรับการซื้อลูกสุนัขตัวใหม่จากบ้าน สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรลืมตรวจเช็คก่อนซื้อลูกสุนัขนั่นก็คือ เราจำเป็นจะต้องขอดูตัวพ่อและแม่ของลูกสุนัขก่อน เพื่อที่เราจะได้ดูว่า พ่อและแม่ของลูกสุนัขมีลักษณะโครงสร้างร่างกายที่เป็นไปตามมาตราฐานสายพันธุ์หรือไม่ มีลักษณะรูปร่างที่สมส่วนเป็นปกติหรือเปล่า เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะได้ลูกสุนัขพันธุ์แท้ที่ไม่ใช่ลูกสุนัขพันธุ์ผสม และอย่าลืมที่จะถามเจ้าของสุนัขด้วยว่า พ่อและแม่ของลูกสุนัขมีโรคประจำตัวไหม เพราะการที่พ่อและแม่สุนัขมีโรคประจำตัวก็หมายความว่า มีโอกาสงสูงที่จะถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม (Inherited Disorders) ที่เกิดจากความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซมของพ่อและแม่สุนัขมายังลูกสุนัขได้  โดยโรคทางพันธุกรรมที่พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จัก เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคลมชัก โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ฯสามารถศึกษาเรื่องโรคทาพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในลูกสุนัขได้จากบทความ โรคทางพันธุกรรม อันตรายที่แฝงกายในลูกหมา

      รวมถึงการขอดูพ่อแม่ของลูกสุนัขจะสามารถทำให้เราได้เห็นถึงแนวโน้มของพฤติกรรมของลูกสุนัขที่จะซื้อไปเลี้ยงได้ค่อนข้างชัดว่า ในอนาคตลูกสุนัขจะมีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร เช่น พ่อและแม่ของลูกสุนัขมีลักษณะนิสัยเรียบร้อย นิ่งสงบ ไม่ดื้อไม่ซน ลูกสุนัขก็มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเรียบร้อย ไม่ดื้อไม่ซน หรือหากพ่อแม่ของลูกสุนัขมีนิสัยดุ ก้าวร้าว ชอบทำลายข้าวของ ลูกสุนัขก็อาจจะโตมามีนิสัยดุ และก้าวร้าวเช่นเดียวกับพ่อแม่ของลูกสุนัขได้นั่นเองค่ะ


      
อ้างอิง: http://www.dogilike.com/content/caring/3030/